tag:blogger.com,1999:blog-32446428798193790392024-02-08T09:14:28.658-08:00ตะก้อAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/07521492566175615243noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-3244642879819379039.post-3289871872964256872012-09-09T22:02:00.002-07:002012-09-09T22:02:32.738-07:00ประวัติของตะกร้อ<span style="color: red;"><strong><span style="color: magenta;">ประวัติตะกร้อ ที่มาที่ไป กีฬาตะกร้อ</span></strong></span><br />
<strong> <span style="color: blue;"> ในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใด</span></strong><br />
<strong><span style="color: blue;">จากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้</span></strong><strong><br /><span style="color: blue;">ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่าเรียกว่า “ชิงลง”</span></strong><br />
<span style="color: blue;"><strong> ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (</strong><strong>Sepak Raga) คำว่า Raga หมายถึง ตะกร้า</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong> ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า </strong><strong>Sipak</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong> ทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้นำการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไปเผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (</strong><strong>Tek K’au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่</strong></span><br />
<strong><span style="color: blue;">ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปัก</span></strong><br />
<strong><span style="color: blue;"> ประเทศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้านทักษะและความคิด</span></strong><br />
<span style="color: blue;">ข้อมูลจาก<br /><strong>ประวัติ ในประเทศไทย</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong> ในสมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการนำเอานักโทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนประวัติของตะกร้อได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ </strong><strong>2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong>โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย อีกทั้งประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทยเรา การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำจากสมัยแรกเป็นผ้า </strong><strong>, หนังสัตว์ , หวาย , จนถึงประเภทสังเคราะห์ ( พลาสติก ) </strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong>ความหมาย</strong><strong> </strong><strong>คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ . ศ . </strong><strong>2525 </strong><strong>ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า ” ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ “</strong><strong> </strong></span><strong><br /></strong><strong><br /></strong><strong><span style="color: blue;">วิวัฒนาการการเล่น</span></strong><br />
<span style="color: blue;"><strong> </strong><strong>การเล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรกๆ ก็เป็นเพียงการช่วยกันเตะลูกไม่ให้ตกถึงพื้นต่อมาเมื่อเกิดความชำนาญและหลีกหนีความจำเจ ก็คงมีการเริ่มเล่นด้วยศีรษะ เข่า ศอก ไหล่ มีการจัดเพิ่มท่าให้ยากและสวยงามขึ้นตามลำดับ จากนั้นก็ตกลงวางกติกาการเล่นโดยเอื้ออำนวยต่อผู้เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกต่างไปตามสภาพภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ แต่คงมีความใกล้เคียงกันมากพอสมควร</strong></span><br />
<span style="color: red;"><strong><span style="color: blue;">ตะกร้อนั้นมีมากมายหลายประเภท เช่น</span></strong></span><br />
<span style="color: red;"><strong><span style="color: blue;">- ตะกร้อข้ามตาข่าย – ตะกร้อลอดบ่วง – ตะกร้อพลิกแพลงเป็นต้น</span></strong></span><br />
<strong><span style="color: blue;">เมื่อมีการวางกติกาและท่าทางในการเล่นอย่างลงตัวแล้วก็เริ่มมีการแข่งขันกันเกิดขึ้นในประเทศไทยตาม</span></strong><br />
<strong><span style="color: blue;">ประวัติของการกีฬาตะกร้อตั้งแต่อดีตที่ได้บันทึกไว้ดังนี้</span></strong><br />
<span style="color: blue;"><strong>พ . ศ . </strong><strong>2472 กีฬาตะกร้อเริ่มมีการแข่งขันครั้งแรกภายในสมาคมกีฬาสยาม</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong>พ . ศ . </strong><strong>2476 สมาคมกีฬาสยามประชุมจัดร่างกติกาในการแข่งขันกีฬาตะกร้อข้ามตาข่ายและเปิดให้มีการแข่งขันในประเภทประชาชนขึ้นเป็นครั้งแรก</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong>พ . ศ . </strong><strong>2479 ทางการศึกษาได้มีการเผยแพร่จัดฝึกทักษะในโรงเรียนมัธยมชายและเปิดให้มีแข่งขันด้วย</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong>พ . ศ . </strong><strong>2480 ได้มีการประชุมจัดทำแก้ไขร่างกฎระเบียบให้สมบูรณ์ขึ้น โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของ เจ้าพระยาจินดารักษ์ และกรมพลศึกษาก็ได้ออกประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong>พ . ศ . </strong><strong>2502 มีการจัดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 ขึ้นที่กรุงเทพฯ มีการเชิญนักตะกร้อชาวพม่ามาแสดงความสามารถในการเล่นตะกร้อพลิกแพลง</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong>พ . ศ . </strong><strong>2504 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 2 ประเทศพม่าได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน นักตะกร้อของไทยก็ได้ไปร่วมแสดงโชว์การเตะตะกร้อแบบพลิกแพลงด้วย</strong></span><br />
<span style="color: blue;"><strong>พ . ศ . </strong><strong>2508 กีฬาแหลมทองครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ได้มีการบรรจุการเตะตะกร้อ 3 ประเภท เข้าไว้ในการแข่งขันด้วยก็คือ</strong></span><br />
<strong><span style="color: blue;">- ตะกร้อวง – ตะกร้อข้ามตาข่าย – ตะกร้อลอดบ่วง</span></strong><br />
<strong><span style="color: blue;">อีกทั้งมีการจัดประชุมวางแนวทางด้านกติกาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อสะดวกในการเล่นและการเข้าใจของผู้ชมในส่วนรวมอีกด้วย</span></strong><br />
<span style="color: blue;"><strong>พอเสร็จสิ้นกีฬาแหลมทองครั้งที่ </strong><strong>3 กีฬาตะกร้อได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก บทบาทของประเทศมาเลเซียก็เริ่มมีมากขึ้น จากการได้เข้าร่วมในการประชุมตั้งกฎกติกากีฬาตะกร้อประเภทข้ามตาข่าย หรือที่เรียกว่า ” เซปักตะกร้อ ” และส่งผลให้กีฬาตะกร้อข้ามตาข่าย ได้รับการบรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 จนถึงปัจจุบัน</strong></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/07521492566175615243noreply@blogger.com0